ท่านทั้งหลายจงมาดูชีวิตเณร (ของผม)

review

บันทึกการบวชจากประสบการณ์จริง

Napat Thumwanit
2016-02-29

แอดได้ทำการคัดกรองคำพูดอย่างเต็มที่ หากตรงไหนล่วงเกินก็ขออภัยและขอย้ำว่านี่ไม่มีเจตนาที่จะลบหลู่แต่อย่างใด สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำคือการเสนอในสิ่งที่ได้ทำขณะบวชและประโยชน์ของการบวช

บทความดังกล่าว อาจมีภาษาเกมอยู่ระดับหนึ่งจึงขออภัยที่ทำให้อ่านแล้วอาจงงได้เป็นช่วงๆ และขอยืนยันคำเดิมว่าภาษาพวกนี้ไม่มีผลกับการลบหลู่ของศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนาแต่อย่างใด

เมื่อ 7 วันที่ผ่านมา แอดได้เข้าสู่ทางธรรมอันยึดเหนี่ยวจิตใจ ตัดขาดจากกิเลสทั้งปวง พูดสั้นๆ คือบวช ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่

หากนับจากปีของการบวชจะได้ว่าผมมีอายุ 19 ปีซึ่งอีกแค่ปีเดียวก็จะบวชพระแล้ว แต่ช่างมันเถอะ ผมอาจได้บวชอีกครั้งตอนโต ความแตกต่างของพระกับเณรก็ไม่ค่อยมากเท่าไหร่เดี๋ยวจะค่อยอธิบายนะครับ งั้นเรามาเริ่มตั้งแต่ DAY 1 เลยดีกว่า

DAY 1: ต้อนรับพระภิกษุสงฆ์มือใหม่

พร้อมหรือไม่กับการสูญเสีย กางเกงใน ไปทั้ง 7 วัน? นั่นคงไม่ใช่ประเด็นหลักและไม่ต้องห่วงว่าจะใส้เลื่อนแน่นอนครับ (อ้างอิงประกอบ : คลิ๊ก ขั้นแรกให้ไปเปลี่ยนเป็นชุดขาวก่อน ตอนนี้ผมได้ถูก promote เป็น นาค ซึ่งสามารถถ้ายรูปตามใจชอบ แตะตัวผู้หญิงได้อยู่ หลังจากนั้นก็ไปเข้าพิธีซึ่งของผมจบลงที่ 13.28 น. แล้วก็จะได้รับ item จำนวนหนึ่ง

  1. บาตร
  2. ชุดผ้าต่างๆ (จีวร สะบง ผ้าคลุมเตียง บลาๆ)
  3. กระเป๋าหิ้ว

ต่อไปก็เดินรับปัจจัย(เงิน)จากเหล่าผู้มาทำบุญทั้งหลาย ในเมื่อเราเป็นพระแล้ว เราจะเป็นดั่งผู้สูงส่งที่มีคุณธรรม(มันทำให้รู้สึกเสียวๆเลยแหล่ะที่พ่อแม่ต้องมากราบไหว้ผมแทน 55) หลังจากนั้นก็นำของทั้งหมดไปไว้ที่กุฏิ(หอพัก) ซึ่งของผมเป็นแบบรวม ตอนช่วง 15.30 เขาจะพาเราไปรวมที่ ศาลาทองคำ ไปฝึกการห่มจีวรทั้ง 2 เวอร์ชั่น

  1. เฉลียงบ่า - เอาไว้ใส่ทำ event ทั่วไป เช่นการเรียน ทำวัตร เป็นต้น
  2. คลุมทั้งตัว - ไว้ตอนตักบาตร only

ใช้เวลาฝึกนานฝุดๆ เลย พันก็ยากเพราะคุณต้องพันจากผ้าผืนเหลี่ยมๆอันหนึ่งให้กลายเป็นแยมโรล(สังเกตว่าจีวรพระจะม้วนๆ ซึ่งผมมองว่าเป็นศิลปะมากกก) งานนี้ต้องใช้พลังแขนเยอะมากเพราะต้องถือผ้านานใช้ได้เลยแหล่ะ (เหมาะสำหรับคนบ้ากล้าม 555) สำหรับวันนี้ไม่มีทำวัตรเย็นเพราะมันสายไปแล้ว จึงรอกิจกรรมช่วงเย็นจะเป็น introduction กฏเล็กๆน้อยๆสำหรับพระภิกษุสงฆ์ฟังมานานพอสมควร สิ่งที่จำได้คือ

  1. ห้ามกินอะไรทั้งสิ้นหลัง 12.00 มีตำนานผู้เคยกินม่าม่า 8 ซองด้วยตอนดึกๆ
  2. เณรรับศีล 10 ข้อส่วนพระก็ 227 ข้อ (วดฟ)
  3. เรื่องเล่าบ้าๆบอๆ ของพระอาจารย์ ตลกดี

ลากยาวจนดึกเลยทีเดียว 3 ทุ่มก็ง่วงและ หลังจากนั้นคุณจะได้สรงน้ำครั้งแรก!!!! จะมีให้เลือกเลยระหว่างห้องรวมหรือห้องส่วนตัว แต่ส่วนใหญ่จะเลือกห้องรวมเพราะรวดเร็วและเฮฮากว่าและยังเย็นยะเยือกหนาวจับใจ ตอนอาบน้ำจะมีผ้าส้มม้า(ก็มันสีส้มนี่นา) ให้คลุม หลังจากสรงน้ำก็กลับไปใส่ชุดเก่า (เพราะมันให้ชุดสวมอยู่แค่ 2 ชุดต้องสลับซักทุกวัน แต่ผมไม่ ใ่ส่ซ้ำซะเลย 3-4 วัน) หลังจากนั้นก็นอนอย่างมีสุข\ .\ .\ ปัง!!! ปุ้ง !!!

ลูกไรไม่รู้ หล่นลงมาบนหลังคาอย่างดัง สะดุ้งกันเป็นแถบ แค่นี้ก็เห็นได้ถึงความวิบัติตอนนอนทุกๆคืนแล้วหล่ะ…..

DAY 2: ว่าง

เอ้กกี้เอ้กๆ ปริๆ…..ปริๆๆ ปิ๊ง (SFXหลอดไฟเปิด)

อ๊ากกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!! myeyeeeeeeesss!!!!

ตาแทบบอดกำลังนอนสบายย คื่นขึ้นมางัวเงียเหมือนพระเอกในเกม FPS โดน M79 ยิงใส่

อื้ม….เอื้อ…. ตี 3.15 หัวสมองตีบตันไปหมด ผมกระพริบตารัวๆเหมือนกด F5 รีเฟรช

เอาล่ะ ไปปัสสาวะดีกว่า เอ้อบอกไว้ก่อนว่าการปัสสาวะของพระภิกษุสงฆ ห้ามยืน แต่วันแรกก็ลืมกฏนี้ไปเลยยืนปัสสาวะดัง (วันต่อไปจึงเปลี่ยนท่า) กรอกกก…………..อาบัติโดยไม่จงใจไปอย่างนึง เฮ้อ สบายจริงๆ หลังจากนั้นก็แปรงฟันด้วยสติครึ่งๆกลางๆ ฉึกฉักๆๆ(แปรงฟันไม่ใช่รถไฟ) กร้วมๆๆ แประ! (บ้วนปาก) ตอนนี้ก็ราวๆ 3.30 มีเสียงเคาะระฆังของพระอาจารย์ อีก 10 นาทีแล้วค่อยทำการห่มจีวร (สำหรับเณรยศ Novice คงไม่มีปัญญาสวมได้เร็วหรอกนะ) ทีนี้ผมก็ทำการสวมเรียบร้อยแล้ว แน่นชิบป๋งเลย!!!! ค่า Dexterous ของผมลดลงอย่างรวดเร็ว ต้องปรับแต่งสักพักถึงจะลงตัว 3.55 ก็เริ่มเดินไปทำวัตรเช้าด้วยความเพลียถึงตาย พร้อมด้วยหนังสือท่องบทสวด ในฐานะผู้ที่มีอายุน้อยที่สุด (หรือยศน้อยที่สุด) จะได้นั่งอยู่ด้านหลังสุดเสมอ และจะไม่ได้รับเบาะนั่งเพราะห้ามนั่งระดับเดียวกับพระ!!! โอ้ก๊ออด แข็งโป๊กเลยทีเดียว แต่ผมก็ถือว่าเป็นการฝึกอย่างนึง  การสวดมนต์ภาคเช้าเริ่มต้นด้วย อะระหัง พร้อมคำแปล กราบงามๆ ทีนึงแล้วก็…. จีวรหลุดอีกละ จัดใหม่อีกนิดทำงี้เรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ นะโม(x3)พร้อมคำแปล แล้วก็บลาๆๆๆ พร้อมคำแปล สรุปว่าทำวัตรเช้าจะท่องแบบมีคำแปลในจังหวะ Adagio  ซึ่งมีแนวโน้มทำให้คุณตาปิดสูงมาก(แล้วก็เป็นจริงในวันหลังๆ) ทำวัตรเช้าเส็ดก็ทำให้ตื่นได้นิดหน่อย หลังจากนี้จึงรีบกลับไปที่กุฏิ งีบสักแวบนึง (1 นาที) แล้วรีบเปลี่ยนการห่อผ้าแบบคลุมไหล่พร้อมถือบาตรไปด้วย ตอนนั้นลืมเก็บปัจจัย(เงิน)ออกจากบาตรจึงลุกลี้ลุกลนกวาดลงถุงรัวๆ แล้วก็หยิบถุงหิ้วไปด้วยเป็นที่บรรจุสำรอง

ตอนนี้ราวๆ ตี 5 (ทำวัตรประมาณ 1 ชั่วโมง) ถอดร้องเท้าออกแล้วอยากต่อแถวไหน ต่อได้เลย! แนะนำว่าควรท่องบทสวดมนต์หากินอย่าง สัพพีติโยให้ได้ด้วย ไม่งั้นหิวตายนะแจ๊ะ555 การต่อก็จะมีพระรุ่นพี่อยู่หน้าในหลายๆที เพราะเขาจะสามารถท่องบทกรวดน้ำได้ (ยะถา วาริวะหา บลาๆๆ) การเลือกแถวที่เข้านั้นมีความสำคัญ หากไปกับพระอาจารย์ (ซึ่งผมไม่เคยไป) จะไปยังสนามบิน ส่วนผมก็ต่อมั่วครับ

ซึ่งได้ไปยังเส้นทางสายที่ 2 นับว่าระยะปานกลาง วันนี้ก็ได้มาพอสมควร ซึ่งเส้นทางนี้ก็มีลูกค้าเจ้าประจำเช่นกัน มีรถกระบะมาทุกครั้ง ทางสาย 2 จัดว่าเป็นเส้นที่ดี ไม่ค่อยมีเศษหินเล็กๆน้อยๆ เท่าไหร่ แต่มีร้านเกมยั่วกิเลส แต่จงอดทน (steam ที่บ้านรออยู่) ระหว่างทางก็ระวังเศษโน่นนี่นั่น น้ำเสียทิ้งก็เอาตีนหลบ เจอรถก็หยุด (อย่าไปกลิ้งหลบแบบ Dark soul นะเพราะ Agility ไม่ถึง) ซึ่งเป็นการฝึกสติขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพที่ค่า DEX ต่ำอยู่แล้ว กลับมาถึงไหล่แทบหัก ด้วยอัตราการเติบโตของน้ำหนักบาตรแบบ linear จึงทำให้ค่า

\[ \int F\cdot ds \]

สูงปานกลาง ซึ่งสรุปคือ ผมเหนื่อย(ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้ผมเหนื่อยเพิ่มเล็กน้อยตอนท้าย) หลังจากนั้นเอาบาตรไปรวมกันเลยครับ ดูของในบาตรตัวเองว่าอยากกินอะไรบ้าง วันแรกเจอของที่น่ากินอย่างพะแนงก็รีบจก แซนด์วิชเซเว่น กับกระเพรา ของถูกลิ้นทั้งนั้นเลย (อย่าลืมหยิบข้าวนะเออ) ซึ่งเขาจะให้เราเลือกสรรสำหรับทั้งสองมื้อ คือมื้อเช้า(7.30)แอนด์มื้อเพล(11.30) ซึ่งถ้าวันไหนโชคดีก็จะมีคนมาถวายเพลทำให้มีตัวเลือกหลากหลายมากขึ้น แทบจะกลายเป็นบุฟเฟต์ไปแล้วซะเนี่ย แอบมีความหวังว่าจะมีคนมาถวายซูชิอะไรอย่างงี้555 ในหลายๆวันก็มักจะมีคนมาถวายทั้งมื้อเช้าและมื้อเพล ซึ่งพอเราเลือกเส็รจก็เอาบาตรไปวางไว้ในตำแหน่งที่จัดไว้ให้ตามลำดับอายุ (ท้ายสุดอีกและ) ระหว่าง 6.00-7.00 ก็คือเวลาว่างจงไปจำวัด……. ก็แย่ละ เรายังมีสุดยอดอาชีพให้คุณทำ กวาดลานวัดสิครับ ซึ่งสามารถถอดจีวรได้ (ไชโย!) การกวาดลานวัดเปรียบดั่งการปฏิบัติธรรมอย่างนึง ใบไม้คือกิเลสที่ไม่มีวันหมดสิ้น เราต้องคอยชำระมันออกไปทุกๆวันก่อนที่มันจะพอกพูม จนทะลัก (ผมคิดอย่างนี้นะ) Area กวาดมีให้เลือกสรรมากมายเลยทีเดียว

ซึ่งตัวผมจะไปกวาดอยู่ที่ Area 3 พอกวาดไปสักพักคุณจะเริ่มมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น และได้รับสกิลต่อไปนี้

  1. SPEED lvl 1 Passive

  2. QUICK SWAP lvl 1 [Active] : เปลี่ยน RHS เป็น LHS

กวาดเพลินๆ ยัน 7.00 ก็กลับไปกุฏิไปเตรียมช้อนส้อมแก้ว และห่อจีวรแบบเฉลียงบ่าอีกรอบ แล้วถ่อกลับมายังโรงฉัน ท่องอนุโมทนา กับบทสวดนู่นนี่นั่น พอเส็รจแล้วของที่โยมมาถวายจะถูกวางไว้บนรถเลื่อนเพื่อไหลมาให้ครบทุกคน (เย้!) แต่ผมอยู่คนสุดท้าย (…..) ไม่เป็นไร ทุกๆคนล้วนใจดี เหลือมาเยอะมากแล้วมากองตอนท้าย มันเหมือนว่าผมเลือกได้ไม่จำกัดซะงั้น แต่เรากินเพื่อความอยู่รอดไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลิน ดังนั้นอะไรเข้ามาก็ย่อมกินได้ครับ (ไม่ได้โหดแบบ the revenant นะครับ) มื้อเช้าจะให้กินบนฝาบาตร (ไม่ใช่มือ) แนะนำว่าล้างให้ดี ไม่งั้นมันแผลบแน่นอน เทลงไปในบาตรแล้วค่อยกิน จะไม่มีการกินของนอกบาตร (ยกเว้นที่เป็นกล่องๆ หรือถุง) เช่น ข้าวเหนียวมะม่วงกับบะหมี่หมูแดงก็ต้องกินร่วมกันในฝาบาตร ก่อนกินกดน้ำให้พร้อม ห้ามลุกเด็ดขาดระหว่างกินไม่งั้นจะถือว่ายุติการกินเรียบร้อยแล้ว  พอกินเส็รจก็นำฝาบาตรไปล้างให้สะอาดแล้วกลับมาครอบที่เดิม กราบ 3 ทีให้กับพระพุทธองค์ในโรงฉัน ในวันนี้ไม่มีการเรียนในช่วงเช้าผมเลยนอนไปสักแปบแล้วลุกขึ้นมาอ่านภาษาญี่ปุ่นต่อกับบทสวดที่เป็นการบ้าน ตอนนี้ความง่วงก็พอจะบรรเทา อาจติดสถานะ dizzy เล็กน้อย พอถึง 11.15 ก็รีบห่อจีวรแบบเฉลียงแล้วถ่อไปยังโรงฉัน คราวนี้ก็ทำขั้นตอนคล้ายๆกับมื้อเช้า แต่ที่แตกต่างกันคือกินในบาตร! คุณจะได้กินข้าวในบาตร ช้อนแทบจะตั้งตรงแด่วจึงแนะนำให้เอียงบาตรสักนิด (ฐานกับตัวบาตรไม่ได้แปะติดกันสนิท) คราวนี้ก็กินอย่างสบายใจ กินเส็รจก็เอาไปล้างให้สะอาด (อุปกรณ์ทุกๆอย่าง บาตร ฝา แก้ว ช้อน) แล้วตากทั้งไว้จึงค่อยมาเอา หลังจากนี้ไม่สามารถกินอะไรได้อีกแล้วรวมถึงน้ำผสมใย น้ำปานะเหล่านั้นไปเอาได้ที่ห้องกลางซึ่งหยิบได้ไม่จำกัดแต่ต้องนั่งกิน วันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงไม่เรียนช่วงบ่าย ก็จำวัดอย่างเต็มที่เพื่อความสดชื่นในภายหลัง

ถึงเวลาทำวัตรเย็น 3.45 ก็ต้อง standby เพื่อพันผ้าจีวรแบบเฉลียงซึ่งตอนนี้ความชำนาญเพิ่มแล้ว (กลายเป็น Apprentice แล้วมั้งครับ 555) พันแปบๆ หยิบบทสวดแล้วก็เดินไปซึ่งเป็นที่เดียกับตอนเช้า ตอนนั้นเหล่าพระทั้งหลายจะทำการปลงอาบัติซึ่งเณรไม่ต้องทำ เลยนั่งชิวแปรบ หลังจากนั้นก็ท่องสวดมนต์บทต่างๆ แบบไร้คำแปล ในจังหวะ vivace ผมได้อัพเกรดสกิลจากการทำวัตรเย็นและเช้า

  1. Karaoke lvl 1 Passive : สามารถอ่านแล้วท่องอย่างรวดเร็วได้

หลังทำวัตรเย็นจะเป็นการกวาดลานวัดเช่นเดิม ไปหยิบอาวุธคู่ใจแล้วกวาดให้มันส์ไปเลย (ผมชอบมากๆนะการกวาดลานวัดเนี่ย) ตอนนี้ผมก็สังกัดกองกำลังรวบรวมใบไม้ จัดเป็นกองๆไปเรื่อยๆแล้วค่อยเก็บซึ่งก็ยังทำงานใน Area 3 กวาดตั้งแต่ 17.00-18.00 แล้วกลับไปยังกุฏิ

ให้รีบสรงน้ำเลยทันที เพราะไม่แนะนำให้สรงตอนดึก แข็งจับใจแถมง่วงด้วย หลังจากนั้นก็มีเวลาพักนิดหน่อยก่อนเริ่มคาบเรียนช่วงกลางคืนตอน 19.00 ซึ่งควรจะ standby ใส่จีวรก่อนสัก 15 นาที

การเรียนในช่วงเย็นจะเกี่ยวกับตำนานพระพุทธ ซึ่งก็ตั้งใจฟังและหลุดเป็นช่วงๆ แต่จัดว่าสนุกเลยทีเดียว มีเรื่องพระอโศกด้วย หลังจากนั้นประมาณ 20.00 ก็กลับไปกุฏิหลับให้สบาย แน่นอนว่าวันนี้ยังคงโดนรบกวนด้วยเสียง ปุ้ง ปั้ง (โดนยันวันสุดท้าย) เช่นเดิม

DAY 3: วันมาฆบูชา

เอ้กกี้เอ้กๆ ปริๆ…..ปริๆๆ ปิ๊ง(SFXหลอดไฟเปิด)

ค่อยๆ ลืมตาด้วยความหน่วง อยู่ภายในสติ

ตอนนี้มี resistant แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ ไม่เป็นแวมไพร์แพ้แสงอีกต่อไป

กิจวัตรก็เดิมๆ แต่วันนี้ได้ตักบาตรสาย 1 ซึ่งเป็นสายสั้น แน่นอนว่าจากชื่อวันสิ่งที่ไม่ควรลืมคือถุงหิ้ว ไม่งั้นบาตรทะลักแน่นอน จากการตักบาตรครั้งนี้ทำให้ได้รับสกิลใหม่

  1. Item Exchange lvl max Active - สามารถโอนถ่ายสิ่งของลงถุงหิ้วได้

  2. Feet Damage Reducer lvl 1 [Passive] - ลดความเสียหายที่เกิดแก่เท้า

กลับมาถึงของแทบล้น เรียกว่าเป็นบุฟเฟต์ได้เลยจริงๆ วันนี้กินแค่มื้อเพลมื้อเดียวเพราะตอนเช้ามีโยมเอาของมาถวายในฐานะวันมาฆบูชา (แอบเสียดายของที่ตักบาตรมาได้ง่า o) แกงผักดองอร่อยมากต้องบอกเลยทีเดียว ชุดที่ผมกินก็ได้กินร่วมด้วยกับเณรอีกคน เยอะมากจนไม่มีทางกินหมด หลังจากนี้ชีวิตก็เป็นไปตามเดิม แม้กระทั่งมื้อเพลก็มีมาถวายกันมโหฬาร

คาบบ่ายวันนี้ก็ศึกษาเรื่องธรรมกับตำนานต่อจากเมื่อวานจนจบคอร์ส แล้วก็รอทำวัตรเย็น

แต่ทำวัตรเย็นวันนี้กลับเป็นการรับศีล 227 ข้อของพระซะงั้นเลยโดนไล่กลับมายังกุฏิ จำวัดกันต่อจากนั้น

ศีล 227 ข้อ เป็นบทสวดที่น่าจะยาวที่สุดหลังคุยกับหลวงพี่ ซึ่งใครท่องได้ถือว่าเทพมากๆเลยทีเดียว จำยากยิ่งกว่าชีวะวิทยา (ให้ซัก 10 ปีผมก็ท่องไม่ได้) ซึ่งใช้เวลาในพิธี 1 ชั่วโมงกว่ากับบทสวดนี้ แต่ท่องในจังหวะ prestissimo ซึ่งอ่านในใจก็ไม่ทัน

ช่วงเย็นวันนี้จะยุ่งกับการจัดงาน มาฆ มากซึ่งผมทำหน้าที่ขนของไปตั้งเช่น เสื่อ, แท่นวางของ, และอีกมากมาย จะมีรถขนส่งไปยังเจดีย์แล้วเราก็ทำการปูอย่างเต็มที่ กลิ้งเป็นโบว์ลิ่งซึ่งต้องมาจัดทิศทางกันใหม่แทบทุกรอบ (error สูงไปหน่อย) ตอนนี้แขกผู้น่ารักหลายท่านเริ่มจะมารวมตัวกันที่เจดีย์ ระหว่างนั้นก็กลับไปสรงน้ำแต่งตัวให้พร้อม ทายากันยุงด้วย

ในพิธีมีพระอาจารย์จาก USA ด้วยซึ่งเขาก็เล่าตำนานชีวิตที่นั่นให้ฟัง หลังจากนั้นก็เข้าสู่พิธีเวียนเทียนซึ่งก่อให้เกิดความมึนว่ากี่รอบแล้วเนี่ย 555 ดีที่มีเครื่องหมายกำกับไว้ หลังจากนั้นท่านก็แปลบทสวดเป็นอังกฤษ ฟังไปฟังมาพบว่าแม้สำเนียงท่านจะแปลกๆ แต่ยอมรับว่าภาษาอังกฤษเขาดีมากๆ สามารถหยิบคำพูดระดับสูงมาพูดหลายคำเลยทีเดียว เป็นอันเส็รจพิธี มีมาก็มีกลับ ม้วนเสื่อกันถ้วนหน้าแล้วขนกลับไปที่เดิม วันนี้เลยได้ฝึกงานอย่างเต็มที่ ทั้งความสามัคคีในหมู่คณะ (รอบนี้คนบวชเยอะเลยสบาย 555) นอนดึกแต่ก็นอนง่ายเพราะเหนี่อยมาเต็มที่ แม้ว่าไอ้เสียงปุ้ง ปั้ง มันยังไม่หายไปก็เถอะ

DAY 4: วันธรรมดาแห่งความวิปโยคในช่วงเช้า

วันนี้เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง ซึ่งได้ตักบาตรเส้นทางที่ 1 ก็เส้นสั้นเช่นเดิม ออกมาหน้าวัดปุ๊บ เจอคนตักบาตรปั๊บ เขาใส่ครบทุกคน พอแหงนลงไปดูในบาตรเจอ วอยส์ 1 ซอง(s) กับ chocopie 1 ซอง(มั้ง) เปิดตัวมาก็เจ๋งชะมัด ไม่เป็นไร เป็นเณรต้องกินได้หมด

สรุปการเดินบาตรวันนี้ก็ค้นพบว่าของน้อยมาก ซึ่งไม่แปลกเพราะอยู่หลังจากวันมาฆบูชานั่นเอง ยิ่งเป็นคนสุดท้ายของแถวของมาไม่ค่อยถึงครับ 555 แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีประวัติหน้าไหนบอกว่าพระตายเพราะหิว โชคดีที่พระอาจารย์ตักได้มาเยอะพอสมควร

สรุปคือเช้านั้นรอดจากความหิวไปได้โดยดี วันนั้นคาบเรียนช่วงเช้าจะไปที่ป่าช้า ซึ่งไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ไปฟังธรรมกับพระอาจารย์ผู้มีแววในการพากย์หนัง คือฟีลลิ่งพันธมิตรมากกก 555 ท่านอธิบายโดยโมดิฟายให้เข้ากับยุคใหม่ได้ดี แถมยังเหน็บแหนมการเมืองด้วย ขำน้ำตาเล็ดเลยงานนี้

ข้ามไปอีกทีตอน กวาดลานวัด คราวนี้ผมไปยัง Area 1+2 ตอนจะกวาดใบไม้ลงจากทางเดินยาวๆ ลงข้างทาง ได้มีหลวงพี่แนะนำเทคนิคใหม่ๆ ทำให้ได้สกิลเพิ่มในวันนี้

  1. Unswap Active: สามารถกวาดซ้ายขวาได้โดยไม่ต้อง swap หนึ่งที ความเร็วขึ้นกับ Speed

  2. 2-1-2 Formation : รูปแบบการกวาดเฉพาะ คนกลางใช้ Unswap ให้คนข้างกวาดต่อไปด้านข้าง

  3. Speed lvl 2 Passive

  4. Quick Swap lvl 2 Active

    ยิ่งกวาดเยอะ ความสามารถเริ่มเยอะ ผมถือว่าการกวาดวัดเป็นการทำธรรมที่ดีที่สุดแล้ว ได้ออกกำลังกายด้วยในตัว

    สวดมนต์ภาคกลางคืนนี่แหล่ะครับ ตัวมันส์ อิติปิโส 108 จบ ไม่ได้พูดเล่นและ 108 รอบจริงๆครับ รอบละ 25 วิ รวม 45 นาที ต้องอู้เป็นระยะๆ ไม่งั้นเสียงหายแหบ การสวดมนต์ในวันนี้ได้พัฒนาความสามารถบางส่วน

  5. Karaoke lvl 2 Passive: อ่านล่วงหน้าได้ระยะหนึ่ง

การสวดมนต์แล้วท่องจำช่วยเพิ่มสมาธิได้นะครับ มันต้องเพ่งให้ดีและพูดให้เร็ว

DAY 5: เปลียนหน่วย

ทุกอย่างปกติดี ยกเว้นตอนเช้าผมได้ไปเส้นทางที่ 3 ซึ่งไกลสุดเท่าที่เคยไปมา เป็นถนนที่อุปสรรคเยอะสุด อุจจาระหมาต้องระวังให้ดี ก้อนกรวดเยอะต้องลงเท้านิ่มๆ เหมือนตอนเดินจงกลม (เคยไปปฏิบัติธรรม) ปริมาณอาหารก็ปกติดีวันนี้ แต่ด้วยระยะทางที่ไกลทำให้ความสามารถได้อัพเกรดบางส่วน

  1. Feet Damage Reducer lvl 2 Passive

    วันนี้ไม่มีเรียนช่วงบ่ายเพราะพระอาจารย์ไม่มา เลยได้นอนทั้งบ่ายค่อยทำวัตรเย็นแล้วมากวาดพื้น

    แต่วันนี้ไม่เป็นหน่วยรวบรวมใบไม้อีกแล้ว ผมกลายเป็นหน่วยเก็บกวาดแทน ได้อาวุธชิ้นใหม่คือที่โกย

  2. You have unlocked Dustpan! - สามารถโกยขยะได้ รวมถึงใบไม้

    และได้ทำงานร่วมกับรถ the screamer (ผมตั้งชื่อเองเพราะไม่มีลูกปืนตรงล้อเลยเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดบาดหู) ซึ่งเอาไว้รวมใบไม้ ก็หน้าที่คือไปหาแต่ละกองและทำการเก็บกวาดไม่ให้เหลือซาก ทีนี้สวดช่วงบ่ายก็อีก 108 จบ ปากแฉะเช่นเคย

ตูม!!!!! ซ่าาาาาาาาา………… แล้ววั้นนั้ฝนก็ตก ใบไม้โปรยหล่นจากต้นไม้ทำให้เห็นถึงสิ่งที่จะเกิดวันพรุ่งนี้เลยทีเดียว……

DAY 6: Swamp day

เมื่อคืนก็ฝนตกอย่างหนักไปแล้ว มาตอนเช้าไม่ต้องถามถึงความแฉะ วันนี้มีฝนตกเล็กน้อยก็ต้องกางร่มไปทำวัตรเช้า อากาศวันนี้เลยเย็นสบายหากเทียบกับวันอื่น (และเป็นช่วงความหนาวเข้ามาอีกด้วย) ทำเดินบิณทบาตรไม่ต้องถาม เท้าแฉะระนาวเลยทีเดียว วันนี้เป็นวันดีเลยได้ไปเส้นทางที่ 3 ซึ่งทั้งไกลแถมยังเปียกด้วย สูดหายใจเข้าลึกๆและปลงซะ เราทำเพื่อความอยู่รอด พอกลับมา ปัญหาที่รออยู่คือการกวาดพื้นนี่แหล่ะ ใบไม้เหนียวติดพื้นมากต้องใช้พลังพอสมควร ฮึ๊ย ยะ! อัดหน่อยก็พอกวาดได้ แต่ใบไม้เยอะนิดหน่อยจากพายุเข้า

ช่วงบ่ายได้เรียนในวิชา ธรรมโยคะ ซึ่งท่าทุกท่ามีความหมายในตัวของมัน เช่นการกราบไหว้ต้องให้ถูกต้องเพื่อการแสดงเคารพในร่างกายส่วนนั้นๆ ท่าแต่ละท่าไม่ใช่เล่นด้วย ที่น่าแปลกใจคือหลวงปู่มี อายุ 91 ปี แต่ท่านยืดหยุ่นมากก กางขาออกสองด้านเป็นตัว v เอามือแตะเท้าและหัวแตะพื้นได้ (แค่คิดก็เจ็บแล้วครับ)

ตกกลางคืนก็เป็รการสวดมนต์เช่นเดิม อิติปิโสอีก 108 ครั้ง (ยอดรวมสามวัน 3x108=324 จัดว่าเยอะมากกก)

DAY 7: วันสึก

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว มีความสุขแต่ก็แอบคิดถึงประสบการณ์ที่ได้จากวัดแห่งนี้ กิวัตรเหมือนเดิมแต่สึกก่อนมื้อเพลก็เลยจัดหนัก ข้าวอบ+บะหมี่หมูแดงเต็มฝาบาตร จากนั้นตอนพิธีสึกได้ทำกับเจ้าอาวาส ท่านอายุ 80 กว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ แต่พิธีก็ไปได้โดยดีภายในเวลาอันสั้น 15 นาที ถ้าเป็นพระก็แค่ปลดสังฆาฏิออกก็เหมือนทหารปลดยศนั่นเอง จากนั้นรับศีล 5 อีกรอบแล้วแต่ตัวตามปกติ ตอนนี้ตุณกลับมาเป็นคนธรรมดาๆ เหมือนเดิมยกเว้นที่หัวของคุณจะไม่ค่อยมีผม 555

“เป็นคฤหัสถ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

สรุปท้าย

บางคนสงสัยว่านี่ไปทำอะไร ทำไมดูค่อยได้อะไร ดูเผินๆคงใช่ ชีวิตไม่ได้ดูธรรมะ ธรรมโมแต่อย่างใด แต่ผมเชื่อว่าการไปบวชครั้งนี้เป็นประโยชน์จริงๆ ใครว่าล่ะว่าทำธรรมต้องนั่งสมาธิ เดินจงกลมอย่างเดียวล่ะ มีกิจกรรมมากมายที่ทำแทนได้เช่นการเดินบิณฑบาตรจัดว่าเป็นสิ่งที่ดี ไม่รู้มีใครมองจุดนี้มั๊ยแต่การเดินหลบกรวดมันทำให้ผมมีสติมากขึ้นเลยนะ กวาดพื้นก็เหมือนกัน ไม่ใช่แค่เพิ่มสมาธิแต่ยังเป็นการออกกำลังกายด้วย บวชเถอะครับ เป็นบุญชีวิต